บทความก่อนหน้านี้ ผมได้บอกเล่าถึงเรื่อง การจำแนกพลอยออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ พลอยธรรมชาติ(Natural sapphire) หรือ พลอยที่ไม่ปรุงแต่ง(Untreated sapphire) และ พลอยสังเคราะห์ (Synthetic sapphire) กันไปแล้ว...
รู้จริงเรื่อง พลอยเนื้อแข็ง กับ พลอยเนื้ออ่อน
แต่มันมีอีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กัน ก็คือ การจำแนกพลอยจากความแข็ง ซึ่งก็จะสามารถแบ่งพลอยออกได้อีกเป็น 2 ประเภท ก็คือ พลอยเนื้อแข็ง กับ พลอยเนื้ออ่อน
แต่ก่อนที่ผมจะพูดถึง พลอยเนื้อแข็ง กับ พลอยเนื้ออ่อน นั้นผมจะขออธิบายถึง เรื่อง ความแข็งของแร่ (Hardness) กันก่อนนะคับ ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการแบ่งเกรดของพลอยเนื้อแข็ง กับ พลอยเนื้ออ่อน ออกจากกัน...
ความแข็ง(Hardness) หมายถึง ความทนทาน (Durable) ของแร่ต่อการขีดข่วนให้เป็นรอย ซึ่งแสดงถึงความคงทน ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่จัดคุณค่าของพลอยนั้นๆ การวัดความแข็งของอัญมณีและแร่ต่างๆ จะใช้มาตรฐานของโมส์(Mohs) หรือที่เรียกกันว่า Moh's scale โดยจะจัดแบ่งความแข็งของแร่ในแต่ละระดับ โดยเริ่มจากระดับ 1-10 ดังนี้
เพชร มีความแข็งมากที่สุดในบรรดาอัญมณีทั้งหลาย คือ มีค่าเท่าความแข็งเท่ากับ 10 รองลงมา คือ พลอยตระกูลคอรันดัม (Corundum) ซึ่งได้แก่ ทับทิม(Ruby) ไพลิน(Blue Sapphire)และ Sapphire สีต่างๆ พลอยกลุ่มนี้ จัดอยู่ในกลุ่ม "พลอยเนื้อแข็ง" (Precious Gemstones) ซึ่งมีความแข็งเท่ากับ 9
ส่วนพลอยอื่นๆ ที่มีความแข็งต่ำกว่า 9 จะจัดอยู่ในกลุ่ม "พลอยเนื้ออ่อน" (Semi-Precious Gemstones) ทั้งหมด เช่น อเมทิสต์ (Amethyst), ซิทริน(Citrine), อะเวนจูรีนควอตซ์(Aventurine Quartz), ควอตซ์สีควันไฟ(Smoky Quartz) ทั้งหมดจัดอยู่ในพลอยตระกูลควอตซ์ (Quartz) ซึ่งมีความแข็งเท่ากับ 7
ลองดูในตารางเปรียบเทียบความแข็งของ สิ่งของต่างๆ ที่เราพบอยู่รอบตัว เช่น เล็บ 2.5 Mohs และกระจก 5.5 Mohs จะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ส่วนความแข็งที่มีหน่วย Mohs นั้น ถ้าเปรียบเทียบ กับแร่ทัลก์(Talc) 1 Moh กับ เพชร (10 Mohs) แล้ว เพชร จะแข็งกว่า Talc ถึง 466,667 เท่า จากตารางเปรียบเทียบความแข็งของแร่ แร่ทัลก์ เป็นแร่ที่อ่อนที่สุด ตามมาตรฐานของโมส์(Mohs)
หากเทียบพลอยในกลุ่ม Corundum (ทับทิม ไพลิน บุษราคัม) ที่ 9 โมส์ แล้ว เพชร ก็ยังคงแข็งกว่าประมาณ 40 เท่า ฉะนั้น พลอยที่มีความแข็งมากกว่า จะสามารถขูดขีดพลอยที่มีความแข็งน้อยกว่าให้เป็นรอยได้ง่าย ดังนั้น เวลาเก็บรักษาเครื่องประดับ เราควรเก็บไว้ในที่ ที่แยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน อย่าให้กระทบกระทั่งกันจนเกิดเป็นรอยได้คับ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ พลอยเนื้อแข็ง และ พลอยเนื้ออ่อน บางชนิดหาได้ยากมาก ทำให้มีราคาสูงมากขึ้นทุกปีตามกลไกทางการตลาด ดังนั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ มนุษย์สร้างอัญมณีสังเคราะห์ขึ้นมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมเครื่องประดับมากขึ้น ดังนั้นหากต้องการซื้อเครื่องประดับจากพลอยธรรมชาติแท้ ควรเลือกซื้อโดยมีใบรับรองสินค้าจากทางร้านหรือหากซื้อพลอยที่มีคุณภาพ และ ราคาสูงมาก อาจจะให้ทางร้านส่งพลอยนั้นๆ ไปขอใบรับรองจากห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีที่ได้รับการยอมรับ ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ก่อนนะคับ เพื่อความชัวร์ได้อัญมณีของแท้ แน่นอน100%
บทความนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า น่าจะทำให้หลายๆ คนพอเห็นภาพและแยกระหว่าง พลอยเนื้อแข็ง กับ พลอยเนื้ออ่อน ได้ไม่มากก็น้อย นะคับ ซึ่งสำคัญมาก! หากไม่มีความรู้เบื้องต้นและแยกไม่ออก ระหว่าง พลอยเนื้อแข็ง และ พลอยเนื้ออ่อน อาจทำให้มีโอกาสซื้ออัญมณีผิดชนิด กันได้ซึ่งทำให้ส่งผลเรื่องราคาที่มีแตกต่างกันมากอยู่พอสมควรคับ
อย่าลืมติดตาม รู้จริงเรื่องอัญมณี กับผมได้ใหม่ในบทความหน้านะคับ…
อ่านบทความก่อนหน้า...
รู้จริงเรื่อง พลอยสังเคราะห์ ( Synthetic sapphire)