อัญมณี เป็นผลึกแร่ที่สวยงามมากที่โลกสร้างสรรค์ขึ้นมาให้เราได้เชยชม ความงามนั้นจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เนื่องจากอัญมณีมีความคงทน เรื่องราวของอัญมณีได้มีสะสมประวัติศาสตร์ของตัวมันเองมาช้านานแล้ว ตั้งแต่คริสตกาล ชาวยิวได้นำอัญมณีหลายชนิดไปประดับในตราประจำตำแหน่งของพระในศาสนายิว คนในยุคต่างๆ ได้ใช้อัญมณีบางชนิดเป็นเครื่องรางของขลัง ปกป้องคุ้มครองภัย
คนอินเดีย เชื่อว่า อัญมณีที่สำคัญแต่ละชนิดเป็นสัญลักษณ์ของดาวนพเคราะห์ และ เครื่องประดับที่มีอัญมณีทั้ง 9 ชนิด นั้น จะช่วยปกป้องผู้สวมใส่จากอันตรายและจะนำโชคลาภมาให้แก่ผู้สวมใส่ด้วย ต่อมากษัตริย์ราชวงศ์ต่างๆ เริ่มประดับอัญมณีมีค่าไว้ที่มงกุฎ ในยุคต่อๆมา กษัตริย์นานาประเทศก็ใช้อัญมณีประดับอาภรณ์และปฏิบัติกันเป็นประเพณีสืบต่อกันมา แม้แต่วงการแพทย์ยังใช้อัญมณีบางชนิดเพื่อรักษาโรค เรื่องราวของอัญมณีถูกนำไปเชื่อมโยงกับวิชาโหราศาสตร์ อาทิ การกำหนดอัญมณีประจำราศี และ อัญมณีประจำเดือนเกิด และมนุษย์ใช้อัญมณีเป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงาม เพื่อแสดงฐานะทางสังคม และใช้เป็นทรัพย์สินมาตั้งแต่โบราณกาลจวบจนถึงปัจจุบัน และ จะยังคงใช้ต่อไปในอนาคต
อัญมณี หมายถึง ผลึกแร่อนินทรีย์ ที่มีโครงสร้างเป็นผลึก และเมื่อนำมาเจียระไน และ ขัดมันให้ได้สัดส่วนตามมาตรฐานแล้วจะมีความสวยงาม คงทนถาวร หายาก และ ประกอบเป็นเครื่องประดับได้ อัญมณีประเภทนี้เรียกว่า “ อัญมณีอนินทรีย์” คำว่า อัญมณี ยังหมายรวมถึงที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต และ ไม่มีรูปผลึก เช่น ปะการัง มุก อำพัน เป็นต้น
อัญมณี ส่วนใหญ่นอกจากเป็นผลึกแร่อนินทรีย์ และ วัตถุอินทรีย์ที่ไม่มีรูปผลึกแล้ว หิน บางชนิดยังใช้เป็นอัญมณีได้อีกด้วย เช่น หยก อะเกต หรือ โมรา มณีสีคราม หรือ ลาพีส ลาซูลี พลอยสีขี้นกการเวก หรือ เทอร์คอยซ์ หิน พวกนี้จะประกอบด้วยผลึกแร่ขนาดจิ๋วนับล้านผลึกถูกอัดแน่ในอุณหภูมิ และ ความดันที่สูงมากๆ ในขณะกำเนิด หิน ที่ใช้ทำเครื่องประดับเหล่านี้จะมีสีสวยงาม บางชนิดมีลวดลายงดงามน่าสนใจ มีสมบัติทางแสงตั้งแต่ ทึบแสง ถึง โปร่งแสง และ มีความเหนียวมากจึงเหมาะสำหรับนำไปตัด และ ขัดมันเป็นรูปโค้งหลังเต่า หรือ ที่เรียกว่าหลังเบี้ย และ ยังสามารถนำไปทำเป็นลูกปัด รวมถึงนำไปแกะสลักเป็นรูปต่างๆ รวมไปถึงของตกแต่งบ้านและสำนักงานได้อีกด้วย
คำว่า อัญมณี มีอีกหนึ่งคำที่ใช้เรียกแทนกันได้คือ “รัตนชาติ” หรือ “เพชรพลอย” ส่วนภาษาอังกฤษ อัญมณี คือ Gems ซึ่งรวมถึงผลึกแร่อนินทรีย์ และ วัตถุอินทรีย์ หรือ สารประกอบอินทรีย์ที่นำไปเจียระไนแล้ว สวยงาม คงคน และ หายาก ส่วนคำว่า Gemstone หมายถึง ผลึกแร่อนินทรีย์ที่เป็นวัตถุดิบ ที่ยังไม่ได้เจียระไน รวมทั้งหินบางชนิด และ วัตถุอินทรีย์ที่ไม่มีรูปผลึกอีกด้วย ส่วนคำว่า พลอย เป็นคำที่ใช้เรียกกันในวงการธุรกิจอัญมณี ซึ่งมีความหมายเหมือน อัญมณี แต่ไม่รวมถึง เพชร
แร่(Minerals)
แร่ คือ ธาตุ หรือ สารประกอบเคมีอนินทรีย์ ที่เป็นของแข็งเกิดขึ้นตามธรรมชาติภายในโลกนี้ แร่แต่ละชนิดมีองค์ประกอบทางเคมี และ โครงสร้างของอะตอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีสูตรทางเคมี มีความแข็ง รวมทั้งคุณสมบัติอื่นๆ ที่แตกต่างกัน ในปัจจุบันมีแร่ที่ค้นพบแล้วประมาณ 4,000 ชนิด ในแต่ละปีจะมีการค้นพบแร่ชนิดใหม่ๆ ประมาณ 50-100 ชนิด แร่ ที่มีมากที่สุดในโลก คือ ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ และ ไมกา โดยมีแร่ ประมาณ 90 ชนิดเท่านั้น ที่จัดเป็นอัญมณี จากแร่อัญมรณี 90 ชนิดนี้ ก็มีเพียง 30 กว่าชนิดที่มีคุณค่ามูลค่า และได้รับความนิยม เช่น เพชร คอรันดัม(ทับทิมและแซฟไฟร์)
เบริล(มรกตและอะความารีน) คริโซเบริล เฟลด์สปาร์(มุกดาหารหรือมูนสโตน ซันสโตน และ แลบราโดไรท์) หยกเจไดต์ เนไฟรต์ ลาซูไรต์(ลาพิส ลาซูลีหรืออัญมณีสีคราม) โอลิวีน(เพริดอต) โอปอ(โอปอล) อาราโกไนต์(มุก) ควอตซ์(อเมทิสต์ ซิทริน อะเมทรีน) โป่งข่าม(เขี้ยวหนุมานไร้สีหรือร็อกคริสตัล) โรสควอตซ์ ควอตซ์สีควันไฟ ตาเสือ อะเวนจูรีน สปิเนล โทแพซ ทัวร์มาลีน เทอร์คอยซ์(พลอยสีขี้นกการเวก) และ เซอร์คอน(เพทาย)
หิน(Rock)
หิน หมายถึง มวลของของแข็งที่ประกอบไปด้วยแร่ชนิดเดียว หรือ หลายชนิดซึ่งอัดรวมกันอยู่ตามธรรมชาติ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ หินอัคนี หมายถึง หินที่เกิดจากการแข็งตัวของหินหนืด หรือ หินหลอมละลายที่ถูกดันขึ้นมาจากส่วนลึกภายในโลก หินอัคนีที่อยู่ภายในเปลือกโลกเรียกว่า “หินอัคนีแทรกซ้อน" ได้แก่ หินเพกมาไทต์ ที่เป็นแหล่งกำเนิดของอัญมณี ที่สำคัญเช่น เบริล โทแพซ ทัวร์มาลีน ควอตซ์ คริโซเบริล
ส่วนหินอัคนีที่พุพ้นเปลือกออกมาเรียกว่า “หินอัคนีพุ” หรือ หินภูเขาไฟ ได้แก่ แอลคาไลน์บะซอลต์ หินชั้น หรือ หินตะกอน เกิดจากการทับถมของตะกอน ตะกอนเหล่านี้เกิดจากการผุกร่อนของหินอัคนี และ หินแปร เนื่องจากสภาพอากาศ หินแปร อาจเกิดจากหินตะกอน หรือ หินอัคนีที่แปรเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เนื่องจากความร้อน ความดัน และ ปฏิกิริยาเคมี
สำหรับความรู้ ความเชื่อ และการใช้ อัญมณี ของคนไทยในสมัยโบราณ เริ่มมีมาแต่สมัยใดยังไม่มีหลักฐานกำหนดแน่ชัด เราอาจทราบเรื่อง อัญมณี ของไทยในอดีตได้จากวรรณคดีไทย บางเรื่อง บางตอน เริ่มตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทยเริ่มรู้จักและใช้อัญมณี ไม่กี่ชนิด มีการจัดแบ่ง อัญมณี ออกเป็น ๙ ชนิดหลัก ๆ เรียกว่า นพรัตน์ นพเก้า หรือ แก้วเก้าประการ ในตำนาน นพรัตน์ มีคำกลอนที่มีอิทธิพล ทำให้คนไทยไม่น้อย รู้จักสนใจและนิยมนับถืออัญมณีว่าเป็นสิริมงคล มีการจัดแบ่งเป็น ลักษณะ สี ชนิด ลำดับชั้นและคุณภาพที่แตกต่างกันไป ดังคำกลอนที่ว่า...
คำกลอน นพเก้า
“ เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก
สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลสายไพฑูรย์”
เพชร น้ำดี หมายถึง เพชร (Diamond)
มณีแดง หมายถึง ทับทิม (Ruby)
เขียวใสแสง มรกต หมายถึง มรกต (Emerald)
เหลืองใสสด บุษราคัม* หมายถึง บุษราคัม (Yellow-Sapphire)
แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก หมายถึง โกเมน (Garnet)
ศรีหมอกเมฆ นิลกาฬ หมายถึง ไพลิน (Blue Sapphire)
มุกดาหาร หมอกมัว หมายถึง มุกดาหาร (Moonstone)
แดงสลัว เพทาย หมายถึง เพทาย (Zircon)
สังวาลสาย ไพฑูรย์ หมายถึง ไพฑูรย์หรือตาแมว (Chrysoberyl Cat’s eye)
และในต่างประเทศก็ได้มีการแบ่งระดับชั้นของ อัญมณี ไว้ได้อย่างน่าสนใจ…ทีเดียวเลยคับ
ใน ปี ค.ศ.1972 แมกซ์ เบาเออร์ (Max Bauer) ได้จำแนกอัญมณี โดยอาศัยหลักการของ กลูเก และได้ตีพิมพ์แนวทางการจัดจำหน่ายอัญมณี ของเขาไว้ในหนังสือชื่อ อัญมณีมีค่า (Precious stone) ไว้ดังนี้...
อัญมณีมีค่าชั้นที่ 1 ได้แก่ เพชร (Diamond) ทับทิม (Ruby) แซปไฟร์ (Sapphire) คริโซเบริล (Chrysobery1) และ สปิเนล (Spinel)
อัญมณีมีค่าชั้นที่ 2 ได้แก่ เพทาย (Zircon) โทแพซ Topaz) ทัวร์มาลีน (Tourmaline) โอปอ (Opal) มรตก (Emerald) และโกเมน (Garnet)
อัญมณีมีค่าชั้นที่ 3 ได้แก่ เทอร์คอยส์ (Turquoise) และ แอนดาลูไซต์ (Andalusite)
อัญมณีมีค่าชั้นที่ 4 ได้แก่ ไพรอกซีน (Pyroxene) ชนิดไฮเพอร์สทีน (Hypersthene) ควอตซ์ (Quartz) และ เฟลด์สปาร์ (Felspar)
อัญมณีมีค่าชั้นที่5 ได้แก่ หยกเนไฟรต์ (Nephrite jade) และเซอร์เพนทีน (Serpentine)
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อัญมณี ที่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้โลกเราได้เชยชมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีคุณค่าและมูลค่าเฉพาะตัว ย่อมมีวันหมดไปตามกาลเวลา ตราบใดที่ยังมีความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบและเก็บสะสมอัญมณีต่างๆ กันอยู่เรื่อยมา ธรรมชาติมักสร้างสิ่งมหัสจรรย์ให้เราได้เห็นอยู่เสมอ…
อย่าลืมติดตาม รู้จริงเรื่องอัญมณี กับผมได้ใหม่ในบทความต่อไปนะคับ...
อ่านบทความก่อนหน้า...
รู้จริงเรื่อง รูปแบบการเจียระไนอัญมณี ในแบบต่างๆ