ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 มนุษย์เริ่มรู้จักการนำเอาอัญมณี หรือ หินสีมาฝน และ ขัดมันให้เป็นรูปทรงกลมที่เรียกว่า ลูกปัด ต่อมารู้จักตัด ฝน และ ขัดให้เป็นรูปโค้งหลังเต่า แต่พอเริ่ม ค.ศ. 1450 เริ่มมีการเจียระไนเพชร และ มีรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้นจนกระทั่ง ค.ศ. 1920 การเจียระไนก็เริ่มประยุกต์ใช้เทคนิคการเจียระไนเพชร ในการเจียระไนพลอยสี ปัจจุบัน ทับทิม แซฟไฟร์ มรกต และ อัญมณีมีค่าอื่นๆ มีรูปแบบการเจียระไนอัญมณี ดังนี้...
1. แบบเหลี่ยมขั้น(Step Cut) ถ้ามองอัญมณีที่เจียระไนแบบขั้นจะเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีขนาดต่างๆ กัน วางตัวซ้อนกันเป็นระดับลดหลั่นเป็นขั้น โดยมีแนวของขอบหน้าเจียระไนขนานกับขอบพลอย แต่ต่างระดับคล้ายๆ กับขั้นบันได ถ้าพลอยก้อนมีขนาดเล็กมักเจียระไนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือ รูปขนมปังฝรั่งเศส ถ้ามุมทั้งสี่ของอัญมณีรูปสี่เหลี่ยมที่มีรูปแบบเจียระไนแบบเหลี่ยมขั้นถูกตัดออก รูปแบบเจียระไนนั้นเรียกว่า เหลี่ยมมรกต หรือ เอเมอรัลด์คัต(Emerald cuts)
2. เหลี่ยมเกสร(Brilliant Cut) อัญมณีที่มีรูปแบบเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสรจะมีหน้าเจียระไนทั้งหมด 58 หน้า โดยมีหน้ากระดาน 1 หน้า ส่วนบน 32 หน้า ส่วนล่าง 24 หน้า และ ก้นเพชรอีก 1 หน้า หน้าเจียระไนอาจเป็นรูปสามเหลี่ยม รูปว่าว หรือ รูปสี่เหลี่ยม วางตัวกระจายออกจากศูนย์กลางของพลอย เหลี่ยมเกสรเป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุดในการเจียระไนเพชร นอกจากรูปร่างของเหลี่ยมเกสรจะเป็นรูปกลมแล้ว ยังมีการเจียระไนเป็นรูปไข่ รูปแพร์ รูปมาร์คีส์ และ รูปหัวใจ ซึ่งมีจำนวนหน้าแตกต่างกันไปตามบริษัทผู้ผลิต อัญมณีที่มีรูปแบบเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร ถ้ามีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะเรียกว่า พรินเซส และ ถ้าเป็นรูปสามเหลี่ยมจะเรียกว่า ทริลเลียนต์ ทับทิม และ แซฟไฟร์ขนาด 1 กะรัต มักจะเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร เพราะจะช่วยให้สีที่สะท้อน และ หักเหออกจากอัญมณีดูอิ่มตัว สดใส อัญมณีเจียระไนที่มีรูปหยดน้ำ เจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร หรือ บางทีก็เป็นเหลี่ยมขั้น หรือ บางทีก็เป็นเหลี่ยมขั้น เรียกว่า "บริโอเลตต์"
3. เหลี่ยมผสม(Mixed Cut) อัญมณีที่มีรูปแบบเจียระไนแบบเหลี่ยมผสมจะมีทั้งเหลี่ยมขั้น และ เหลี่ยมเกสร รูปแบบเจียระไนแบบผสมนี้ใช้เจียระไนพลอยตระกูลคอรันดัมทั่วไป และ เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมาก สำหรับเจียระไนมรกตจากแซมเบีย โดยทั่วไปแล้วจะเจียระไน ส่วนบนแบบเหลี่ยมเกสรเพื่อทำให้มีความสุกใส ประกายแสงแวววาว และ มีสีอิ่มตัวมากที่สุด ส่วนล่างจะเจียระไนแบบเหลี่ยมขั้น หรือ ผสมกันระหว่างเหลี่ยมเกสร และ เหลี่ยมขั้นการเจียระไนให้เป็นเหลี่ยมขั้นจะช่วยให้ช่างรักษาน้ำหนักพลอยดิบไว้ได้มาก และ ทำให้สีของอัญมณีดูอิ่มตัว และ สดใสยิ่งขึ้น ในบางโอกาสมีผู้อ้างว่าเหลี่ยมผสม คือ การเจียระไนแบบซีลอน รูปร่างอัญมณีเจียระไนแบบเหลี่ยมผสมก็มีรูปร่างต่างๆ เช่นเดียวกับแบบเหลี่ยมเกสรดังกล่าว ส่วนจำนวนหน้าเจียระไนแต่ละแบบจะแตกต่างกันไป
4. โค้งหลังเต่า หรือ หลังเบี้ย(Cabochon) พลอยคุณภาพต่ำที่มีมลทินมาก หรือ พลอยกึ่งโปร่งแสง หรือ ทึบแสง รวมทั้งพลอยที่แสดงปรากฏการณ์ทางแสง เช่น ตาแมว หรือ สตาร์ มักเจียระไนให้เป็นรูปผิวโค้งด้านบน ส่วนด้านล่างผิวอาจโค้งเหมือนด้านบนก็ได้ และเรียกว่า หลังเบี้ยประกบ หรือ ส่วนด้านล่างอาจตัดตรงก็ได้ เมื่อดูพลอยแบบโค้งหลังเต่านี้จากด้านบนอาจเห็นเป็นรูปกลม รูปไข่ รูปสี่เหลี่ยม รูปหัวใจ หรือ รูปอื่นๆ ได้เช่นกัน
5. ลูกปัดเจียระไน(Faceted Bead) ลูกปัดมีรูปทรงกลม มีรูที่เจาะผ่านจุดศูนย์กลางของทรงกลม ลูกปัดมักได้รับการเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร หรือ เหลี่ยมขั้น
6. รูปแบบเจียระไนแบบแฟนซี(Fancy Cut) เป็นการเจียระไนแบบใหม่ที่เรียกว่า ออปติกซ์ ที่ทำให้อัญมณีเจียระไนแบบนี้มีแสงแวววาวทุกทิศทาง เนื่องจากแสงที่หักเหผ่านส่วนบนของอัญมณีแล้วหักเหไปเกิดการสะท้อนกลับหมดที่หน้าเจียระไนด้านข้างของส่วนล่างที่มีพื้นผิวโค้ง และ เกิดการสะท้อนกลับหมดอีกครั้งที่ด้านข้างของส่วนล่าง ด้านตรงข้ามอีกหลายจุด แสงสะท้อนครั้งที่2 ในอัญมณีจะหักเหออกจากส่วนบนทุกทิศทาง จึงเห็นประกายแวววาวมากกว่าอัญมณีที่เจียระไนแบบขั้น แบบเหลี่ยมเกสร และ เหลี่ยมผสม
7. รูปแบบการเจียระไนแบบที่มีรูปร่างและสัดส่วนเป็นมาตรฐานเท่ากัน(Calibrated Gems) การเจียระไนอัญมณีด้วยมือเป็นไปไม่ได้ที่อัญมณีเจียระไนทุกเม็ดจะมีรูปร่าง ขนาด สัดส่วน หน้าเจียระไน และ องศาของหน้าเจียระไนเป็นมาตรฐานเท่ากันหมดทุกเม็ด แต่ในปัจจุบันมีเครื่องเจียระไนอัตโนมัติที่สามารถเจียระไนอัญมณีขนาดเล็กให้มีรูปร่าง ขนาด และ สัดส่วนเท่ากันเป็นมาตรฐานทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีในวงการอัญมณี ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
อย่าลืมติดตาม รู้จริงเรื่องอัญมณี กับผมได้ใหม่ในบทความต่อไปนะคับ...
อ่านบทความก่อนหน้า...
วิธีการซื้ออัญมณี และ เครื่องประดับ ที่ควรรู้!