ประวัติ ความเป็นมา ความเชื่อ
คำว่า “งา” โดยทั้งไปมักหมายถึงเฉพาะงาของช้าง แต่ในทางอัญมณี อาจหมายรวมถึงฟัน หรือ อวัยวะคล้ายฟันของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิด เช่น สิงโตทะเล เขี้ยวของฮิปโปโปเดมัส และซากงาช้างดึกดำบรรพ์ หรือ แมมมอธ งาส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นเครื่องประดับ หรือ ของตกแต่งต่าง ๆ มักเป็นชิ้นงานแกะสลักเป็นรูปทรงต่าง ๆ หรือ ถ้ามีชิ้นส่วนสมบูรณ์ สามารถใช้เป็นของตกแต่งได้ทั้งชิ้น
งาช้าง จัดเป็นอัญมณีที่มีค่ามากในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้ต้องการงาช้างมาก จึงเกิดการล่าช้างเพื่อเอางาเพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค เช่น ในแอฟริกาและเอเชีย ส่งผลให้ปริมาณช้างป่าลดลงจนเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ในหลายประเทศ และ ในแอฟริกาที่เคยมีการล่าช้างได้ออกกฎหมายมาควบคุมการล่าช้าง และในหลายประเทศการครอบครอง งาช้าง ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งประเทศไทยด้วย
*** กฎหมายใหม่ ตามพระราชบัญญัติ งาช้าง พ.ศ.2558 ยังกำหนดว่า กรณีมี งาช้างไว้ในครอบครอง โดยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อ การค้า อาจใช้สิทธิ์ไม่ต้องแจ้งการครอบครองได้ แต่กรณีนี้กฎหมายอนุญาตให้ครอบครอง งาช้าง ได้รวมคนละไม่เกิน 4 ชิ้น และไม่เกิน 12 ชิ้นต่อครัวเรือน โดยน้ำหนักรวมกันจะต้องไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม
งาช้าง ที่มีคุณภาพดีที่สุด คือ งาช้างแอฟริกา ลักษณะเด่นของงาช้างที่ใช้แยกจากงา หรือ ฟันของสัตว์อื่น ๆ คือ มีโครงสร้างเป็นแถบ หรือ แนวเส้นคล้ายคลื่นตัดกัน 2 แนว ที่เรียกว่า engine turned dffect ซึ่งสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แหล่งที่พบ งาช้าง
ทวีปแอฟริกา คือ เคนย่า
ทวีปเอเชีย คือ ศรีลังกา และไทย
คุณภาพและชื่อทางการค้า
โดยทั่วไป คุณภาพของ งาช้าง แบ่งออกได้เป็น
งาช้าง
งาช้างแอฟริกา มีคุณภาพและความงามมากกว่างาช้างเอเชีย รู้จักกันในชื่อ งาเขียว (Green ivory) มีสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองมาก อาจมีความโปร่งใส และ ยาวถึง 3 เมตร
งาช้างเอเชีย บางครั้งเรียกว่า งาช้างอินเดีย มีสีขาวด้าน ชนิดที่มีคุณภาพดีที่สุด มีสีขาวแกมชมพู ส่วนสีเหลืองสามารถหาได้ง่ายกว่า มีความนิ่มสามารถนำมาแกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ ได้ง่าย
งาช้างแมมมอธ เป็นงาที่มีความโค้งตวัด และ ยาวมาก ส่วนโครงสร้างมีลักษณะคล้ายคลึงกับงาช้างปัจจุบัน แต่มีมุมที่เกิดจากการตัดกันของแนวเส้นน้อยกว่า การที่มีขนาดใหญ่กว่า งาช้าง ซึ่งปัจจุบันจึงนำมาแกะสลักได้ดี
การเลือกซื้อ งา
การเลือกสีขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและรสนิยมของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปสีของ งาช้าง มีเพียงสองสี คือ สีขาวนวลออกเหลืองเล็กน้อย และสีขาวด้าน จึงขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ชื้อแต่ละคน ควรเลือกงาที่มีสีสม่ำเสมอ ในบางครั้งอาจจะมีการย้อมสีเข้มขึ้นเพื่อให้ดูเป็นงาเก่าแต่เมื่อตรวจสอบด้วยกล้องกำลังขยายอาจเห็นสีย้อมขังอยู่ในรอยแตก หรือ หลุมบนผิว งาส่วนใหญ่นำไปแกะสลัก แล้วนำไปทำเครื่องประดับ
วัตถุที่มีลักษณะภาพนอกใกล้เคียงกับงา สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ วัตถุเลียนแบบที่มาจากธรรมชาติ ได้แก่ กระดูกสัตว์นำมาย้อมสีให้คล้ายงา จะงอยปากของนกเงือก มีเนื้อหยาบและมีรูพรุน เขากวาง มีโครงสร้างเหมือนกระดูกใช้ทำเครื่องประดับขนาดเล็ก หรือ ด้ามมีด ด้ามปืน เป็นต้น วัตถุเลียนแบบที่มนุษย์ทำขึ้น ได้แก่ พลาสติก ปกติได้จากการทำปฏิกิริยาของสาร ไนโตรเซลลูโลส กับ การบูร และ แอลกอฮอล์ แต่ก็มีพลาสติก ผสมกับผงแคลไซต์ ด้วยเพื่อใหมีความถ่วงจำเพาะ และส่วนประกอบทางเคมีคล้ายกับฟันธรรมชาติ เมื่อตรวจสอบด้วยกล้องกำลังขยาย พบว่าไม่มีโครงสร้างเฉพาะ และ เมื่อจี้ด้วยเข็มร้อนมีกลิ่นคล้ายสารเคมี นมเปรี้ยว การบูร
งาปรับปรุงคุณภาพ ได้หลายวิธี ดังนี้
การใช้ความร้อน โดยการนำงาสีอ่อนมาให้ความร้อนอ่อน ๆ หรือ แช่ในน้ำร้อนก่อน จึงนำไปให้ความร้อนเพื่อให้มีสีเข้มขึ้นดูเหมือนงาเก่าที่มีราคาดีกว่า สีที่เข้มขึ้นเกี่ยวข้องกับสารอินทรีย์ในเนื้องา หรือ อาจทำให้งาสีเข้มขึ้น โดยวิธีการอาบรังสี ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ยากมาก ส่วนการย้อมสีเพื่อให้มีสีเข้มขึ้นดูเป็นงาเก่า โดยใช้การชุบน้ำมัน แล้วนำไปตากแดด หรือ รมควันใบยาสูบ ใบชา หรือฟางที่เปียกชื้น โดยงาที่ย้อมสีอาจเห็นสีย้อมขังอยู่ในรอยแตก หรือ หลุมบนผิว
การดูแลรักษาและข้อควรระวัง
เครื่องประดับงา ที่ถูกวิธี
ควรหลีกเลี่ยงให้ห่างจากความร้อน เพราะจะทำให้งาหดตัว และสีเปลี่ยนไปได้ ไม่ควรใส่เครื่องประดับที่มีงา ในการประกอบอาหาร เนื่องจากงาจะทำปฏิกิริยากับกรดไนตริก และ กรดฟอสฟอริก จึงควรหลีกเลี่ยงให้ห่างจากไอสารเคมี หรือ น้ำยาต่าง ๆ การทำความสะอาดงา ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเท่านั้น
อย่าลืมติดตาม รู้จริงเรื่องอัญมณี กับผมได้ใหม่ในบทความต่อ ๆ ไป...นะคับ
อ่านบทความก่อนหน้า...