บทความนี้ผมจะพามารู้จักอัญมณีอีกชนิดหนึ่ง ที่แสดงปรากฏการณ์พิเศษในการเล่นสี อย่างสวยงาม แปลกตา ไม่แพ้อัญมณีที่แสดงปรากฏการณ์ทางแสงชนิดอื่นๆ ถึงกับเรียกกันว่าเป็น “ราชินีแห่งอัญมณี” กันเลย ก็คือ “โอปอ(OPAL)” นั่นเองคับ
รู้จริงเรื่อง โอปอ(OPAL)
ประวัติ ความเป็นมา และความเชื่อ "โอปอ"
โอปอ มีสีหลากหลาย ชวนให้สับสน เช่น ขาว เหลือง ส้ม แดง น้ำตาล แกมเหลือง เขียว น้ำเงิน เทา ม่วง ดำไปจนถึงไม่มีสี เป็นต้น มีลักษณะโปร่งใสถึงทึบแสง คำว่า “OPAL” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “UPALA” ซึ่งแปลว่า หินมีค่า หรือมาจากภาษาละตินว่า “OPALUS” หมายถึง มองเห็นเพชรพลอย หรือภาษากรีกว่า “OPALLIOS” หมายถึง การเปลี่ยนสีได้เมื่อกระทบแสง "โอปอ" เป็นอัญมณีที่รู้จักกันมากว่า 6,000 ปีมาแล้ว...ในประวัติศาสตร์
ความเชื่อเกี่ยวกับ "โอปอ"
ชาวโรมันถือว่า โอปอ เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความรัก โดยชาวโรมันเรียกโอปอว่า “หินเทพเจ้าแห่งความรัก” ชาวอาหรับเชื่อว่า โอปอ ตกมาจากฟากฟ้าในขณะที่มีฟ้าแลบหรือฟ้าผ่าจึงมีสีเจิดจ้าเหมือนไฟ มาร์โบด ได้บันทึกเกี่ยวกับ โอปอ ที่ใช้เป็นเครื่องรางของบ้าน นอร์มังดี ไว้ว่า “โอปอทำให้ผู้สวมใส่ล่องหนหายตัวได้” ดังนั้นโจรและนักสืบจึงนิยมสวมใส่ โอปอ เป็นเครื่องราง สรุปเอาว่า “ โอปอเป็นเจ้าของคุณความดีของอัญมณีทุกชนิดไว้ในตัวมัน เพราะ โอปอสามารถแสดงสีต่าง ๆ ได้มากมายหลายสี”
ในตำนานของออสเตรเลีย เชื่อว่า ดวงดาวทั้งหลายถูกควบคุมโดยก้อน โอปอ ขนาดใหญ่และยังควบคุมทองคำในเหมือง และนำความรักมาสู่มวลมนุษย์ อย่างไรก็ตามคนพื้นเมืองดั้งเดิมในออสเตรเลีย มีความเชื่อโน้มเอียงไปทางร้าย คือ เชื่อว่า โอปอ เป็นภูตผี ซาตาน ครึ่งมนุษย์ มีคาถาอาคมที่โหดร้าย อาศัยอยู่ในรูใต้พื้นดินดักซุ่มรอทำร้ายคนด้วยแสงแฟลช โอปอ เป็นอัญมณีประจำเดือน ตุลาคม และนิยมใช้โอปอเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานปีที่ 14 อีกด้วย
แหล่งที่พบ "โอปอ"
แหล่งของ โอปอ ที่สำคัญในปัจจุบัน ได้แก่ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญที่สุด นอกจากนี้ยังพบที่ ฮอนดูรัส ฮังการี เม็กซิโก เอธิโอเปีย และ สหรัฐอเมริกา สำหรับในประเทศไทยนั้น แหล่งโอปอหายากมากแต่สามารถพบได้ที่จังหวัดลำปาง และจังหวัดลพบุรี
คุณภาพและชื่อทางการค้าที่เรียก "โอปอ" ในท้องตลาด
โอปอ ธรรมชาติ แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. โอปอธรรมดา คือ โอปอ กลุ่มที่ไม่แสดงการเล่นสี เป็นโอปอชนิดที่พบได้มากที่สุด ส่วนมากทึบแสงถึงโปร่งแสงและ ไม่มีประกายสี โอปอธรรมดา ได้แก่
ไฮยาไลต์ เป็นโอปอ ที่ไม่มีสี มีลักษณะคล้ายแก้ว อาจมีแต้มสีจาง ซึ่งอาจเป็น สีน้ำเงิน สีเขียว หรือ สีเหลือง โอปอ ชนิดนี้ พบได้ยากมาก
ไฮโดรเฟน มีลักษณะเนื้อพรุ่น และทึบแสงถ้านำ โอปอ ชนิดนี้จุ่มลงไปในน้ำจะเปลี่ยนจากทึบแสงเป็นโปร่งใส เนื่องจากโอปอ ชนิด สามารถดูดซับน้ำได้
โอปอยางไม้ มีสีดำ หรือสีน้ำตาล และมีความวาวคล้ายยางไม้
พอทช์ มีลักษณะทึบแสง อาจมีสีขาวขุ่น หรือมีสีเทาอ่อน ถึงเทาแก่ เทาอมน้ำเงิน หรือสีดำ
2. โอปอมีค่า คือ โอปอ ที่มีคุณสมบัติการเล่นสีเป็นประกายสวยงาม คล้ายเหลือบประกายรุ้งที่เปลี่ยนสีได้เมื่อหมุนพลอยไปมาในทิศทางที่ต่างกัน เรียกปรากฏการณ์พิเศษนี้ว่า การเล่นสี โอปอ มีค่า ได้แก่
โอปอดำ (Black opal) เป็นโอปอ ที่มีพื้นหลังเป็นสีดำหรือสีเทา สีน้ำเงินเข้ม หรือสีเขียวเข้ม หรือน้ำตาลเข้ม มีมลทินสีคล้ำ เช่น เหล็กออกไซด์ โอปอดำเป็น โอปอ ที่หายากและมีคุณค่าสูงสุด เพราะแสดงปรากฏการณ์เล่นสีเป็นประกายสีรุ้ง เนื้อ โอปอ โปร่งแสงถึงกึ่งทึบแสง พบมากที่เหมือง Lightning Ridge ในรัฐนิวเซาท์เวล ออสเตรเลีย
โอปอขาว (White opal) เป็น โอปอ ที่มีพื้นหลังสีขาว หรือสีอ่อน ๆ หรือสีนม กึ่งโปร่งใสถึงทึบแสง
โอปอผลึก (Crystal opal) มีลักษณะประกอบด้วย โอปอขาวผสมกับโอปอดำ และแสดงการเล่นสีเป็นประกายสีรุ้งสดใส แต่ไม่เข้มข้นเท่าโอปอสีดำ มลทินที่อยู่ระหว่างช่องว่างของซิลิกาทรงกลมคือ ของเหลว
โอปอโบลเดอร์ (Boulder opal) เป็น โอปอ ที่เกิดในหินเหล็ก แสดงการเล่นสีเป็นแนวแคบ เมื่อนำมาตัดเจียระไนจะมีหินเหล็กติดอยู่ข้างหลังด้วย
โอปอน้ำ (Jelly or water opal) เป็น โอปอ ที่มีเนื้อโปร่งใส ไร้สี มีมลทินน้อยมาก
โอปอไฟ (Fire opal) หรือ โอปอเม็กซิกัน หรือ โอปอเชอรี่ (Cherry opal) เป็นโอปอที่มีเนื้อโปร่งใสถึงโปร่งแสง มีการแสดงเล่นสี สีเหลือง ส้ม แดง หรือน้ำตาล มลทินแร่ใน โอปอ ชนิดนี้คือ เหล็กอ๊อกไซด์
โอปอ ที่มีขนาดและลวดลายของแถบสีต่างๆ กัน มีหลายชนิดเช่น
โอปอฮาร์ลิควิน (Harlequin opal) เป็น โอปอ ที่มีลวดลายของแถวสีลายข้าวหลาม เป็นรูปแบบที่เล่นสีสวยงามและมีค่ามากสุดในโอปอกลุ่มนี้
โอปอเฟลม (Flame opal) เป็น โอปอ ที่มีการเล่นสีเห็นเป็นแถบ หรือริ้วลายเป็นทางพาดผ่านทั้งก้อนดูเหมือนเปลวไฟ
โอปอแฟลช (Flash opal) เป็น โอปอ ที่แสงการเล่นสีที่เห็นเป็นแสงสีวาบ ปรากฏขึ้นชั่วแวบหนึ่งแล้วหายไปเมื่อเคลื่อนที่
โอปอเมทริกซ์ (Matrix opal) เป็น โอปอ ที่มีรูพรุน มักนำไปเผากับน้ำตาลและกรดกำมะถันทำให้เกิดผลถ่านฝังอยู่ในรูพรุนของ โอปอ และแสดงการเล่นสีกระจายอยู่ทั่วไป
3. โอปอชนิดสุดท้าย...คือ โอปอ ในซากสัตว์หรือพืชที่เป็นหิน (Opalised Fossils)
โอปอ ในซากสัตว์หรือพืชที่เป็นหินเกิดจากซิลิกาเข้าไปแทนที่เปลือกหาย กระดูกยุคไดโนเสาร์ รวมทั้งไม้ที่กลายเป็นหิน โอปอ แบบนี้มีสีสดใส หายากและเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมโอปอ
การเล่นสีของโอปอ แสดงได้ในหลายรูปแบบ เช่น
ลาย Harlequin มีลักษณะเป็นลวดลาย คล้ายตารางหมากรุก ขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "Patchwork"
ลาย Pinfire มีลักษณะเป็นจุดสีขนาดหัวเข็มหมุดหรือรอยแต้มขนาดเล็กๆ กระจายทั่วทั้งเม็ด
ลาย Flash มีลักษณะเป็นลายของประกายไฟ ที่ไม่สม่ำเสมอ เมื่อมองจากทิศทางที่ต่างกัน หรือเมื่อหมุนพลอยไปในทิศทางต่างๆ ประกายไฟ หรือ สีอาจเปลี่ยนไปเป็นสีอื่นๆ หรือหายไป...
การเลือกซื้อ "โอปอ"
โอปอ ชนิดที่มีการเล่นสีนั้น ควรเลือกที่เล่นสีอย่างสม่ำเสมอ สีคมชัด ไม่มีจุดด่างหรือบริเวณที่ปราศจากสีปนอยู่ รูปแบบการเล่นสีลาย Harlequin จะให้มูลค่าสูงสุดรองลงมาเป็นลาย Flash และสีของการเล่นสีที่ให้มูลค่ามากที่สุดคือ สีแดง สีม่วง และสีส้ม ตามลำดับซึ่งให้ราคาสูงกว่าการเล่นสี ในโทนสีเขียวและสีน้ำเงิน และหากมีจำนวนสีในเม็ดพลอยมาก พลอยจะยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นอีก
โอปอ ที่มีสีพื้นสีดำหรือสีเข้มจะมีมูลค่าสูงกว่า โอปอ ที่มีสีพื้นเป็นเนื้อใส รูปร่างการเจียระไน ไม่ได้ถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือ จะต้องไม่มีรอยแตกและรอยร้าว เพราะอาจจะทำให้ โอปอ ไม่แสดงการเล่นสีหรือกลายเป็น โอปอธรรมดาไป มีโอปอสังเคราะห์และ โอปอเลียนแบบในท้องตลาด การตรวจแยกออกจากโอปอธรรมชาติทำได้ไม่ยากนัก โอปอ มักผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยการปะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความสวยงามให้กับแผ่นโอปอ โอปอ ที่ผ่านการปะจะมีมูลค่าน้อยกว่าโอปอที่ไม่ได้ปะ นอกจากนี้ โอปอยังมีการปรับปรุงคุณภาพที่ไม่เป็นที่ยอมรับในตลาดคือ การอัดด้วยคาร์บอน การอัดด้วยแวกซ์ และการย้อมสี เป็นต้น จึงต้องทำการตรวจสอบก่อนเลือกซื้อกันเป็นพิเศษหน่อยนะคับ
โอปอไฟ มักจะเจียระไนเหลี่ยมมุมเพื่อให้เกิดประกายแสง ควรพิจารณาจากสัดส่วนของการเจียระไนว่ามีสัดส่วนที่สมดุลหรือไม่ และควรเลือกซื้อเม็ดที่มีสีเข้มสด เนื้อใส ไม่ขุ่นมัว
การดูแลรักษาและข้อควรระวัง "โอปอ"
โอปอ มีเนื้ออ่อน มีความแข็งต่ำ เปราะแตกหักและเกิดร้อยร้าวภายในได้ง่าย จึงควรสวมใส่อย่างระวังเป็นพิเศษ อย่าให้เสียดสี กระทบกระแทกกับสิ่งอื่นๆ ขณะเก็บหรือสวมใส่ ควรเก็บเครื่องประดับ โอปอ แยกจากเครื่องประดับชนิดอื่น ควรแยกเก็บในถุงผ้าขนาดเล็ก หรือ กล่องชิ้นที่มีผ้านุ่มรองไว้ภายใน หลีกเลี่ยงหรือควรเก็บรักษา โอปอ ให้ห่างจากกรด ด่าง สารเคมี หรือ น้ำมันที่สกปรกเพื่อป้องกันการเปลี่ยนของสี ควรเช็ด โอปอ เบาๆ ด้วยผ้านุ่มและชุ่มชื้น ไม่ควรสวมแหวนที่ประดับ โอปอ ขณะประกอบอาหาร ล้างจาน ทำงานบ้าน ทำงานหนัก ทำสวน หรือเล่นกีฬา เป็นต้น
ควรทำความสะอาดโอปอด้วยการใช้ผ้านุ่มหรือผ้าชุบน้ำมันมะกอกหมาด ๆ เช็ดหลังการสวมใส่ทุกครั้ง ห้ามใช้เครื่องทำความสะอาดแบบอัลตราโซนิก เพราะอาจแตกร้าวได้ ระมัดระวังไม่ให้โอปอได้รับความร้อนสูง เพราะความร้อนสูงและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลันจะทำให้ โอปอ แตกร้าวหรือความแวววาวลดลงอย่างชัดเจน จึงไม่ควรวาง โอปอ ไว้กลางแสงแดดร้อนจัดหรือตากแดด ไม่อยู่ใกล้หม้อน้ำหรือท่อน้ำร้อน ในรถยนต์ที่ร้อนจัด หรืออยู่ในสถานที่ซึ่งมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก เพราะ โอปอ ที่มีร้อยร้าวจะยากที่จะทำให้กลับคืนสภาพดังเดิมได้
บทความนี้น่าจะเหมาะสำหรับท่านที่ชื่นชอบอัญมณีที่มีลวดลาย สวยงาม แปลกตาหลากสีประสม ประสาน อยู่ในเม็ดเดียวกันอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสามารถนำมาเป็นตัวเลือก ในการทำเครื่องประดับอัญมณีคงดูโดดเด่น น่าแปลกตาไม่น้อย นะคับ
อย่าลืมติดตาม รู้จริงเรื่องอัญมณี กับผมได้ใหม่ในบทความหน้านะคับ...
อ่านบทความก่อนหน้า...
รู้จริงเรื่อง เฟลด์สปาร์(Feldspar)