บทความนี้ผมจะพามารู้จักอัญมณีอีกชนิดหนึ่งที่มีประวัติมายาวนานในประเทศจีนตั้งแต่ประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว ในการนำมาทำอาวุธ เงินตรา เครื่องประดับ และรวมไปถึงนำมาแกะสลักในรูปแบบต่าง ๆ อย่างสวยงาม อัญมณีชนิดนี้ก็คือ หยก(Jade) นั่นเองคับ
ประวัติ ความเป็นมาและความเชื่อของ "หยก"
หยก(Jade) เป็นอัญมณีที่มีค่า มีราคาสูง และได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทยและสิงค์โปร์ เชื่อกันว่า หยก เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความสำเร็จ และความมีโชค ชาวจีนโบราณเชื่อว่า หยก เป็นอัญมณีจากสรวงสวรรค์ที่มีพลังเร้นลับสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองไว้พบกับความโชคดี มีความสุข มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างน่าอัศจรรย์ หยก จึงอยู่คู่กับวิถีชีวิตของชาวจีนมาอย่างยาวนาน มีประเพณีวัฒนธรรมที่นำ หยก มาประยุกต์ใช้ตามความเชื่อคือ แกะสลักเพื่อเคารพบูชา เช่น รูปพระพุทธเจ้า รูปเจ้าแม่กวนอิม และรูปเทพเจ้าอื่น ๆ
คนจีนเอา หยก มาแกะเป็นรูปกลมแบนมีรูตรงกลางเป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์เรียกว่า “ปิ” และมักวาง ปิ ไว้ด้านหลังศพ โดยเชื่อในทำนองว่า “สวรรค์หนุนหลังอยู่” คนในอเมริกากลางยังมีความเชื่อว่า ก้อนเจดที่รูปร่างกลม แบน และเรียบคล้ายก้อนไต มีพลังอำนาจรักษาความผิดปกติของไตได้ สเปนผู้ครอบครองทวีปอเมริกาใต้ในช่วงศตวรรษที่ 16 ได้เรียนรู้ว่าหินที่ชาวพื้นเมืองเมโซอเมริกันสวมใส่เป็นเครื่องรางนั้นใช้สำหรับแก้อาการเสียดท้องได้ด้วย และเจดยังช่วยให้คลอดทารกได้ง่าย ช่วยให้แคล้วคลาดจากสัตว์ร้าย ช่วยให้คลายกังวล ลดการกระหายน้ำ นำฝนให้ตก ป้องกันฟ้าแลบฟ้าผ่าและกินผงเจดเป็นยาบำรุงสุขภาพและเจดยังเป็นอัญมณีสำหรับงานฉลองครบรอบแต่งงาน 35 ปี อีกด้วย
โดยทั่วไป หยก ที่มีคุณภาพและราคาสูงคือ หยกชนิดเจไดต์(Jadeite) หรือที่เรียกว่า หยกพม่า มีค่าความแข็งตามสเกลของโมส์เท่ากับ 6.5-7 และเนไฟรต์ (Nephrite) หรือที่เรียกกว่า หยกจีนหรือหยกไต้หวัน มีค่าความแข็งตามสเกลของโมส์เท่ากับ 6-6.5 ซื่งหยกชนิดเจไดต์ได้รับความนิยมและถือว่ามีคุณภาพและราคาสูงกว่าชนิดเนไฟรต์ หยกเจไดต์ เป็นแร่ชนิดหนึ่งอยู่ในกลุ่มแร่ไพรอกซีน มักพบเป็นหินกรวดขนาดใหญ่ มีเนื้อแน่สมานเป็นเสี้ยนใย มีความเหนียวสูง มีสีต่าง ๆ เช่น ขาว เขียว เหลือง น้ำตาล ม่วง ส้มแกมแดง เทา และดำ มีลักษณะกึ่งโปร่งใสถึงทึบแสง
ส่วน หยกเนไฟรต์ เป็นหินที่ประกอบด้วย แร่เนไฟรต์ เทรโมไลต์ มีองค์ประกอบเป็นแคลเซียม แมกนีเซียม ซิลิเกต มีค่าความแข็งตามสเกลของโมส์เท่ากับ 6 หยกเนไฟรต์มีหลายสี เช่น
เนไฟรต์สีขาว เป็นแร่เทรโมไลต์ที่บริสุทธิ์ มีมลทินธาตุเหล็กน้อยมาก บางทีเรียก เนไฟรต์สีขาวนี้ว่า “เจดไขมันแกะ”
เนไฟรต์สีเขียว มลทินธาตุคือ เหล็ก มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “เจดสีเขียวผักโขม” ถ้ามาจากไซบีเรียจะมีจุดสีดำในเนื้อเนไฟรต์เนื่องจากมลทินเกรไฟต์
เนไฟรต์สีน้ำตาลครีม เนไฟร์ต์สีน้ำตาลครีมบางครั้งเรียกกันว่า “เจดหลุมฝังศพ” สีอาจเกิดจากมลทินในหินปูน มีงานวิจัยระบุว่าสีอาจเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างของเหลวในมัมมี่กับเจด
"หยก" พบได้จากที่ไหนบ้าง
แหล่ง หยกเจไดต์ ที่สำคัญได้แก่ พม่า นอกจากนี้ยังพบที่รัสเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา กัวเตมาลา นิวซีแลนด์ เม็กซิโก เป็นต้น ส่วนหยกเนรไฟรต์พบได้ใน รัสเซีย แคนนาดา นิวซีแลนด์ จีน และสหรัฐอเมริกา
ชนิดและคุณภาพของ "หยก"
คนทั่วไปมักคิดว่า หยก มีสีเขียวเพียงสีเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้น หยก พบได้หลายสี เช่น เขียว ขาว ม่วง น้ำตาล แดง ชมพู และดำ เป็นต้น หยกเจไดต์ สามารถจำแนกได้ตามสี คุณภาพ ราคาและความนิยม ดังนี้
หยกสีเขียว(Green Jadeite) ชนิดที่มีคุณภาพ ราคาสูงและหายาก คือ หยกจักรพรรดิ(Imperial jade) ซึ่งมีสีเขียวสดคล้ายมรกต เนื้อค่อนข้างใส มีความโปร่งสูง หายากมาก หยก สีเขียวคุณภาพดีและราคารองลงมาได้แก่ หยกสีเขียวคล้ายสีแอปเปิ้ล (fine apple green jade)
หยกสีแอปเปิ้ล
หยก สีเขียวแกมเหลืองสีจุดขาว (fine white motted jade) และ หยก สีเขียวแกมน้ำตาล (moss green jade) และยังมีหยกสีเขียวต่าง ๆ ได้แก่
Chloromelanite มีลักษณะทึบแสงถึงกึ่งโปร่งแสงสีเขียวเข้มถึงดำ
Yunan Jade มีลักษณะกึ่งโปรงใสถึงทึบแสงมีสีเขียวเข้ม
Moss-In-Snow มีลักษณะโปร่งแสง มีจุดสีขาวกระจายทั่วไปในเนื้อสีเขียว
Fei-ts’ui หรือ Kingfisher Jade มีสีเขียวเข้ม ความมืดสว่างปานกลาง
หยกสีขาว (White Jadeite) โดยทั่วไปมีราคาไม่สูงนัก อย่างไรก็ตามหยกที่มีความขาวใสบริสุทธิ์ เนื้อละเอียด กึ่งโปร่งใส หาได้ยากมีราคาสูงและได้รับความนิยมรองจากหยกสีเขียว
ส่วน หยก สีอื่น ๆ เช่น สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีคราม สีเทา สีดำ เป็นต้น หยกสีต่าง ๆ เหล่านี้มักเกิดผสมปนเปกันในเนื้อหยกกว่าสองหรือสามสี ที่เป็นสีเดียวก็อาจพบได้บ้างแต่ค่อนข้างน้อย หยกสีต่าง ๆ เหล่านี้ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยราคาจะขึ้นอยู่กับความสวยงามของสี และความนิยมในแต่ละยุคสมัย
หยกน้ำมัน
การเลือกซื้อ "หยก"
การซื้อขาย หยก มักคิดเป็นราคาต่อชิ้นโดยราคาอาจขึ้นกับความพอใจและการเจรจาตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยทั่วไป หยก ที่มีขนาดใหญ่กว่า หนากว่าเจียระไนหรือแกะสลักแบบที่ทำได้ยากกว่ามักมีราคาสูงกว่ากว่าหยกในคุณภาพสีเดียวกันที่มีขนาดเล็กกว่า บางกว่า เจียระไนแบบที่ง่ายกว่า
หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อ หยก พิจารณาจากสีของเนื้อหยก ที่คนนิยมคือ หยกสีเขียวมรกต ถือว่าเป็นสีที่สวยที่สุดและหายาก ส่วนสีเขียวอื่น ๆ เป็นระดับรองลงมา เช่น สีเขียวแอปเปิ้ล เขียวแกมเหลือง เขียวแกมเทา เป็นต้น สีของ หยก ควรมีความเข้มของสีปานกลางหรือกึ่งเข้ม สีสม่ำเสมอกันทั่วทั้งเม็ด ไม่มีจุดแต้มหรือรอยด่างของสี ชนิดที่มีสีเขียวเข้มดำมักจะแกะสลักหรือเจียระไนให้บางมากที่สุด เพื่อช่วยให้โปร่งใสขึ้น สวยงามมากขึ้น และอาจขายได้ในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง ซึ่งเทคนิควิธีการเจียระไนและการเข้าตัวเรือนอาจทำให้สังเกตและตรวจสอบได้ยาก
ควรเลือกเนื้อหยกที่มีลักษณะโปร่งแสง กึ่งโปร่งใส และโปร่งใส โดยความโปร่งนี้จะสัมพันธ์กับลักษณะเนื้อแร่ (ความละเอียดหรือความหยาบของผลึกแร่ที่เกาะประสานกันในเนื้อ) หยก ที่มีเนื้อเป็นผลึกแร่เล็กละเอียดประสานกันแน่น มักมีความโปร่งมาก ส่วนหยกที่มีเนื้อเป็นผลึกแร่ค่อนข้างใหญ่ หยาบ เนื้อประสานกันได้ไม่ดี มักไม่ค่อยมีความโปร่ง ควรเลือกซื้อ หยก ที่มีความโปร่งและพิจารณาที่สีประกอบไปด้วย หยกที่ดีต้องมีความมันวาวเหมือนขี้ผึ้งหรือน้ำมัน มองดูนุ่มนวลเหมือนปุยนุ่น ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของหยกเนื้อละเอียดที่มีความโปร่งใส แต่หากมีความวาวเหมือนแก้ว เนื้อละเอียด มีความโปร่งจะถือว่าเป็น หยก คุณภาพดี
หยกคุณภาพดีไม่ควรมีมลทินหรือตำหนิมากจนมองเห็นด้วยตาเปล่า ตำหนิภายนอก เช่น รอยแตก รอยร้าว หรือรอยขีดข่วนต่าง ๆ มลทินภายใน เช่น มลทินแร่สีดำ หรือน้ำตาล สีเข้มเป็นหย่อม ๆ การเจียระไนที่ดีเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสมดุล ความสวยงามและความคงทนถาวรให้กับหยกแต่ละชิ้น สำหรับงานแกะสลักต้องดูความกลมกลืน ความสมบูรณ์แบบ สัดส่วน ความสมดุล และความมีเอกลักษณ์ของรูปแบบ ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับรสนิยมทางศิลปะของแต่ละบุคคล แต่ละยุคสมัยด้วย
หยก เทียมเลียนแบบ อาจเป็นแร่หรือหินชนิดอื่น ๆ วัตถุอื่นหรือสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหยก โดยเรียกชื่อหรือหลอกขายเป็น หยก ที่พบบ่อยมากเป็นแร่ควอตซ์ชนิดเนื้อย้อมสีเขียวหรือสีม่วง ส่วนแร่อื่น ๆ ที่เรียกชื่อเป็น หยก เช่น หยกอินเดีย แท้จริงคือ อะเวนจูรีนควอตซ์ หยกออสเตรเลีย เป็นควอตซ์เนื้อละเอียด ชนิดคริโซเพรส หยกเกาหลี ซึ่งก็คือ แร่เซอร์เพนทีน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการแก้ พลาสติก ทำสี ย้อมสีแล้วอัดด้วยความดังสูงให้เหมือนหยก เช่น Meta Jade การตรวจสอบหยกเทียมต่าง ๆ เหล่านี้อาจต้องอาศัยความรู้ทางอัญมณีศาสตร์ด้วย วิธีที่ดีที่สุด นำหยกเข้าตรวจในสถาบันตรวจสอบหยกโดยตรงจะชัวร์ที่สุดคับ ส่วนใหญ่จะตรวจสอบออกมาเป็นหยกแท้หมด แต่การตรวจหาสารโพลีเมอร์ที่มีการปรับปรุงคุณภาพเข้าไปนั้น จะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการตรวจหาสารโพลีเมอร์ บางสถาบันก็ไม่มีเครื่องมือนี้ ลองสอบถามให้แน่ชัดก่อนนะคับ
ในปัจจุบันมีวีธีการปรับปรุงคุณภาพ หยก ในเรื่องของสีเป็นส่วนใหญ่ เช่น การย้อมสี การอัดเคลือบสารโพลีเมอร์ หรือ ทั้งย้อมสีและเคลือบสารโพลีเมอร์ การย้อมสีส่วนใหญ่มักย้อมเป็นสีขาว ม่วง น้ำตาล เหลือง เป็นต้น การย้อมสีหยก มีเทคนิคต่าง ๆ ที่ทันสมัย ซึ่งอาจให้สีที่คงทนถาวรหรือไม่ก็ได้ ในตลาดค้าหยกจะเรียกหยกที่ผ่านการย้อมสีว่า C-Jade ส่วนการอัดเคลือบสารโพลีเมอร์ ทำให้หยกสะอาดและมีผิวมันวาว สวยงามในตลาดจะเรียกว่า B-Jade หยกชนิดที่มีทั้งการย้อมสีและการอัดเคลือบสารโพลีเมอร์ ทำให้สีเข้มสวย โดยเฉพาะสีเขียว มีความคงทน มีประกายวาว สวยงาม ในตลาดค้าหยกเรียกว่า B+C Jade ส่วนหยกธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพใด ๆ จะเรียกว่า A-Jade นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบผิว หยก ด้วยไข ขี้ผึ้ง หรือ น้ำมันบางอย่างเพื่อให้ หยก ดูแวววาวสวยน่าซื้ออีกด้วย
หยกถั่ว
การดูแลรักษาและข้อควรระวัง "หยก"
ควรเก็บเครื่องประดับ หยก แยกจากเครื่องประดับอัญมณีชนิดอื่น ๆ ในถุงผ้าหรือกล่องแยกชิ้นที่มีผ้าหรือของนุ่มรองไว้ภายใน การทำความสะอาด ใช้น้ำยาล้างเครื่องประดับหรือสบู่เหลวอ่อน ๆ ผสมน้ำให้เจือจาง ปัดทำความสะอาดตามซอกมุมและด้านต่าง ๆ ด้วยแปรงขนนุ่ม หรือใช้เครื่องทำความสะอาดแบบอัลตราโซนิกใช้ผ้านุ่มสะอาดซับแล้วผึ่งลม หรือเป่าให้แห้ง
การทำให้หยก มีความแวววาวเป็นพิเศษ ทำได้โดยแช่หยกในสารละลายโซเดียวสีขาวที่เจือจาง เมื่อนำมาถูเบา ๆ จะทำให้หยกแวววาวขึ้น คล้ายการเคลือบเงา แต่ต้องระวังอย่าให้หยกที่ผ่านกรรมวิธีนี้อยู่ใกล้กับความร้อน เพราะจะทำให้โซเดียมที่เคลือบผิวอยู่เป็นเป็นสีเหลืองได้ หยก ที่ปรับปรุงคุณภาพด้วยการย้อมสี การเคลือบเงา มักไม่คงทนต่อความร้อนและแสงสว่าง จึงควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่ไปในบริเวณดังกล่าว เพราะอาจทำให้ความเงางามของหยกลดลง
บทความนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับท่านที่นิยม อัญมณีสีเขียวประเภท หยก ยังไงก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหยก ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นให้ดีก่อนนะคับ เพื่อไม่ให้โดนหลอกและเสียใจในภายหลัง
อย่าลืมติดตาม รู้จริงเรื่องอัญมณี กับผมได้ใหม่ในบทความหน้า...นะคับ