ตามมาตรฐานทั่วๆไปของการเลือกแหวนเพชร ลูกค้ามักจะชอบเลือกเรือนแหวนที่มีสีทองไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อเรือนแหวนจริงๆ หรือไม่ เพราะสีทองเป็นสีที่อยู่คู่กับมนุษย์ชาติในฐานะของตัวแทนความหรูหรา, ความมั่งมี ฯลฯ แต่ในความจริงแล้ว เรือนแหวนนั้น ต่อให้ถูกระบุว่าเป็นทองจริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น ทองคำแท้ 100% ไปเสียทั้งหมด โดยในความหมายนั้น ทองคำแท้ 100% = 24 Karat (กะรัต) ซึ่งทองคำเนื้อแท้ในระดับนี้จะมีความแข็งแรงทนทานต่ำมากทำให้ไม่เหมาะที่จะใช้ในการทำเรือนแหวน ดังนั้นแหวนทองคำส่วนมากมักจะมีการผสม เนื้อโลหะอื่นๆ ลงไปเพื่อสร้างความทนทานให้กับตัวเรือนแหวน และในขณะเดียวกัน ชนิดของโลหะที่ผสมลงไปในเนื้อทองคำ สามารถที่จะสร้างชนิดของทองคำที่ให้สีแตกต่างกันไปได้ด้วย เปิดโอกาสทางเลือกให้กับผู้ที่สนใจในการเลือกแหวนได้อย่างมาก
· ทองขาว หรือ White gold (ทองคำ + เงิน +พัลลาเดียม ) : ทองขาวเคยเป็นที่นิยมมากๆ อยู่ช่วงหนึ่งในการทำแหวนเพชร เนื่องจากลักษณะของมันที่ใกล้เคียงกับ "แพลตตินั่ม" โดยเฉพาะเนื้อที่ได้จากการผสมโลหะชนิดต่างๆ เข้าด้วยกันจะเป็นประกายมาก และเมื่อชุบเนื้อด้วย โรเดี่ยม จะทำให้ตัวโลหะแข็ง, คงทนและมีความแวววาวสวยงาม แต่ โรเดี่ยมเองก็สามารถสึกกร่อนตามเวลาได้ ทำให้ต้องนำตัวแหวนไปชุบอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน
·
ทองคำเขียว (ทองคำ + เงิน + ทองแดง + สังกะสี) : เนื้อโลหะประเภทนี้เกิดจากการนำ โลหะ หลากสีมาผสมกันจนได้เนื้อแหวนที่มีลักษณะ อมเหลือบเขียว ซึ่งโดยส่วนมากแล้วมักจะถูกเลือกให้เป็น "ส่วนหนึ่ง" ขององค์ประกอบของเครื่องประดับ หรือ ตัว แหวนเพชร ก็ตาม
· แพลตินั่ม Platinum หรือ PT : คือ ที่สุดของเนื้อโลหะที่เหมาะกับ ไม่ได้เพียงแค่ในการทำเรือนแหวน หากแต่ในการทำเครื่องมือหรืออุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เพราะแพลตินั่ม มีความ แข็งแรงและทนทานที่สูงมากเท่ากับหรือมากกว่า เพชร และในขณะเดียวกันก็มีราคาที่แพงอย่างมาก เนื่องจากความหายากของมันอีกด้วย แต่ข้อได้เปรียบของ แหวนเพชร ที่เลือกใช้ แพลตินั่ม คือ เนื้อของแพลตินัมไม่ต้องการๆ ชุบเพื่อความแวววาวและการเสื่อมสภาพ เพราะความแวววาว คงทนเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของแพลตินั่มอยู่แล้ว แหวนเพชร ที่ใช้แพลตินั่มเป็นเรือนแหวนจะมีความทนทานอย่างมาก และ ที่สำคัญที่สุด นั่นคือ แพลตินั่ม มีคุณสมบัติในการไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายบนผิวหนังของผู้ที่สวมใส่ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้โลหะ