นพรัตน์ เนาวรัตน์ หรือ นพเก้า เป็นชื่อที่หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินมาจนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า นพรัตน์ หรือ นพเก้า นั้นคืออะไร ในบทความนี้จึงขอนำมาขยายความเข้าใจกันให้มากยิ่งขึ้น
นพรัตน์ หรือ นพเก้า นั้น หมายถึงอัญมณีมงคล 9 ชนิด ที่ชาวเอเชียโดยเฉพาะในแถบอินเดีย เนปาล ศรีลังกา ตลอดจนทุกประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อว่าเป็นอัญมณีมงคล ซึ่งในภาษาสันสกฤต เรียกว่า "เนาวรัตน" รวมถึงภาษาฮินดู พม่า อินโดนีเซียและเนปาล ส่วนในภาษาสิงหลเรียก "นวรัตเน" และในภาษาไทยเรียก "นพรัตน์" ความเชื่อในเรื่องดังกล่าวเป็นความเชื่อที่อยู่คู่ดินแดนสุวรรณภูมิมาแต่ดั้งเดิม
ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับ นพรัตน์ หรือ นพเก้า เป็นอย่างมาก ตามมาด้วยประเทศอินเดีย โดยมีปรากฏการใช้นพรัตน์สำหรับประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง และคำว่านพรัตน์ยังปรากฎเป็นส่วนหนึ่งในชื่อของกรุงเทพมหานครที่พระราชทานโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 อีกด้วย แต่ความเชื่อโดยทั่วไปมักเชื่อว่านพรัตน์จะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพที่ดี ร่ำรวยและทำให้ใจสงบ แต่เมื่ออยากจะซื้ออัญมณีมงคลทั้งเก้าชนิดที่ว่านี้ไว้ครอบครองมักเกิดคำถามว่าแท้จริงแล้วนพรัตน์ประกอบด้วยพลอยอะไรกันบ้าง
จากตำรา นพรัตน์ หรือ นพเก้า ของไทย เรามักท่องจำกันจนขึ้นใจว่าอัญมณี 9 ประการนั้นประกอบด้วย “เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์” แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าอัญมณีแต่ละชนิดนั้นหมายถึงพลอยชนิดใด
1. เพชรดี หมายถึง เพชร (diamond) คือ อัญมณีที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน มีความแข็งสูงที่สุด คือ ระดับ 10 ตามมาตรฐานความแข็งของโมสห์ เพชรที่ดีนั้นสามารถประเมินได้โดยใช้มาตรฐาน 4 Cs กล่าวคือ จะต้องมีสีขาวหรืออาจมีแกมเหลืองเล็กน้อย ประกอบกับเนื้อที่ใสสะอาด และการเจียระไนด้วยเหลี่ยมมุมที่ถูกต้องจึงจะสามารถดึงประกายความงามของเพชรออกมาได้ แหล่งเพชรที่สำคัญได้แก่ ประเทศอาฟริกาใต้ คองโก นามิเบีย ออสเตรเลีย รัสเซีย เป็นต้น เพชรนั้นนอกจากเพชรขาวที่ใช้กันโดยทั่วไปแล้ว ยังมีเพชรสีต่างๆ ที่เรียกว่า "เพชรสีแฟนซี (Fancy Colour)" ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีฟ้า สีดำ เป็นต้น
2. มณีแดง หมายถึง พลอยทับทิม (ruby) จัดเป็นพลอยเนื้อแข็งประเภทคอรันดัม (corundum) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทับทิมที่ดีต้องมีสีแดงสด ไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป มีสีแกมม่วงหรือส้มไม่เด่นชัด ถ้าเจียระไนได้สัดส่วนดีก็จะยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น มีแหล่งสำคัญคือ พม่า มาดากัสการ์ โมซัมบิก เป็นต้น ส่วน “ทับทิมสยาม” นั้นเป็นทับทิมที่พบในจังหวัดตราดเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการทำเหมืองในแหล่งดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังมีหมุนเวียนอยู่ในตลาดซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลอยเก่าเก็บต่อๆ กันมา มีคุณค่าและราคาสูงในนามทับทิมสยาม ทับทิมจัดเป็นพลอยชนิดหนึ่งที่หายากมากโดยเฉพาะที่มีคุณภาพสูง เป็นเหตุให้โดยส่วนใหญ่มักจะต้องปรับปรุงคุณภาพด้วยการเผา เพื่อให้มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งในปัจจุบัน การปรับปรุงคุณภาพนั้นเป็นกระบวนการที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป
3. เขียวใสแสงมรกต หมายถึง พลอยมรกต (emerald) ซึ่งจัดเป็นพลอยเนื้ออ่อนประเภทเบริล (Beryl) ที่มีสีเขียว นอกจากนี้ยังมีสีอื่นๆ อีกหลายสี เช่น สีฟ้าเรียก อะความารีน สีชมพูเรียกมอร์แกไนต์ เป็นต้น โดยชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือมรกต มรกตคุณภาพดีต้องมีสีเขียวสดเข้ม เนื้อสะอาด เจียระไนได้สัดส่วน แหล่งมรกตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ มรกตจากแหล่งโคลัมเบีย แต่ในท้องตลาดปัจจุบันนอกจากมรกตจากแหล่งโคลัมเบียแล้ว ยังมีมรกตจากแหล่งอื่นๆ เช่น แซมเบียและบราซิลก็ได้รับความนิยมเช่นกัน ทั้งนี้ธรรมชาติของมรกตนั้นจะมีรอยแตกร้าวมากดังนั้นมรกตจึงเป็นอัญมณีอีกชนิดหนึ่งที่มักพบว่ามีการปรับปรุงคุณภาพ การปรับปรุงคุณภาพที่ทำกันมากคือ การใส่สารไร้สี เช่น น้ำมัน โพลิเมอร์เข้าไปในรอยแตกเพื่อช่วยบดบังรอยแตกหรือทำให้รอยแตกเด่นชัดน้อยลงซึ่งจัดเป็นกระบวนการปกติและได้รับการยอมรับในตลาด
4. เหลืองใสสดบุษราคัม คำว่าบุษราคัมนั้นแต่เดิมมักมีความหมายกว้างๆ หมายถึงอัญมณีสีเหลือง ซึ่งเป็นได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโทแพซสีเหลืองหรือควอตซ์สีเหลือง(ซิทริน) แต่ในนิยามปัจจุบันบุษราคัมจะหมายถึงพลอยแซปไฟร์สีเหลือง (Yellow Sapphire) เท่านั้น ซึ่งจัดเป็นพลอยเนื้อแข็งประเภทคอรันดัม(corundum) เช่นเดียวกับทับทิม แหล่งพลอยบุษราคัมที่สำคัญ อาทิเช่น ไทย ศรีลังกา มาดากัสการ์ เป็นต้น โดยบุษราคัมที่ดีนั้นจะต้องมีสีเหลืองสด ถึงเหลืองเข้มอาจจะแกมส้มหรือน้ำตาลได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งที่พบ บุษราคัมเป็นพลอยที่มีเนื้อค่อนข้างใสสะอาดอยู่แล้ว แต่โดยส่วนใหญ่ก็มักจะต้องปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อนเช่นเดียวกับทับทิม เนื่องจากบุษราคัมที่พบตามธรรมชาตินั้นมักมีสีไม่สวยงามเพียงพอ ไม่ตรงตามความต้องการของตลาด เช่น สีอ่อนเกินไป มีสีแกมเขียวหรือน้ำเงินชัดเจน สีไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น
5. แดงแกก่ำโกเมนเอก คำว่าโกเมนนั้นเป็นชื่อที่หมายถึง อัญมณีในตระกูลการ์เนต (Garnet) ที่มีอยู่หลายชนิด มีความหลากหลายของสีเป็นอย่างมาก แต่ที่พบมากที่สุดจะเป็นการ์เนตอัลมันไดต์ (Almandite) มีสีแดงเข้มออกคล้ำ ซึ่งเป็นที่มาของการบรรยายสีในบทกลอนว่า “แดงแก่ก่ำ” นั่นเอง แต่ในปัจจุบันพบว่า นอกจากการ์เนตชนิดสีแดงแล้ว ยังมีสีอื่นๆ อีกหลายชนิดและเป็นที่นิยมมากในหลายประเทศได้แก่ ซาร์โวไรต์ (Tsavorite) ซึ่งเป็นการ์เนตกรอสซูลาร์ (Grossular) ที่มีสีเขียวคล้ายมรกต และ การ์เนตสเปสซาไทต์ (Spessartite) ที่มีสีส้มสด ถึงส้มแกมน้ำตาล ส่วนการ์เนตที่มีราคาแพงและหายากได้แก่ การ์เนตแอนดราไดต์ (Andradite) ชนิดสีเขียวที่เรียกว่า ดีมานทอยด์ (Demantoid) จัดเป็นชนิดที่หายากที่สุด แหล่งโกเมนชนิดต่างๆ ที่สำคัญได้แก่ แหล่งในประเทศในอาฟริกา เช่น นามิเบีย โมซัมบิก แทนซาเนีย เคนยา เป็นต้น
6. สีหมอกเมฆนิลกาฬ นิลกาฬ หมายถึงพลอยไพลิน (BlueSapphire) ซึ่งจัดเป็นพลอยเนื้อแข็งประเภทคอรันดัม (Corundum) เช่นเดียวกับทับทิม และ บุษราคัม นิลกาฬหรือไพลินเป็นคอรันดัมชนิดสีน้ำเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน แต่ทั้งนี้คำว่านิลกาฬนั้นเป็นคำดั้งเดิมที่คนไทยมักใช้เรียกคอรันดัมเนื้อขุ่นสีน้ำเงินแกมเทาหรือแกมฟ้าที่ได้จากพม่ามักเรียกกันว่านิหล่า และต่อมาเมื่อมีการค้นพบพลอยแซปไฟร์สีน้ำเงินที่เมืองไพลิน ประเทศกัมพูชาซึ่งพลอยจากแหล่งดังกล่าวมีสีสวยงามและได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นคนไทยในสมัยต่อมาจึงมักนิยมใช้คำว่า ไพลิน เป็นคำเรียกแทน นิลกาฬ จนทำให้ชื่อนิลกาฬแทบจะลืมเลือนไปในตลาด ไพลินที่ดีต้องมีสีน้ำเงินสด ไม่เข้ม หรือ อ่อนจนเกินไป มีสีแกมม่วงจะดีกว่าสีแกมเขียว ถ้าเจียระไนได้สัดส่วนดีก็จะยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แหล่งสำคัญของไพลินได้แก่ ศรีลังกา พม่า มาดากัสการ์ แทนซาเนีย เป็นต้น ไพลินของไทยนั้น พบมานานแล้วเกิดร่วมกับชนิดสีเหลืองที่เรียกว่า บุษราคัมและสีเขียวที่เรียกว่าเขียวส่อง พบในแหล่ง เขาพลอยแหวน บางกะจะ จันทบุรี ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็ยังคงมีการทำเหมืองขนาดเล็กอยู่บ้าง ส่วนไพลินที่พบในอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อกว่า 30 ปีมาแล้วนั้น ปัจจุบันนี้ไม่มีการทำเหมืองในแหล่งดังกล่าวแล้ว นอกจากจันทบุรีและกาญจนบุรีแล้ว ในประเทศไทยนี้ก็ยังพบแหล่งไพลินขนาดเล็กในจังหวัดแพร่ เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อีกด้วย ไพลินส่วนใหญ่ที่พบตามธรรมชาตินั้นมักมีสีไม่สวยงาม อาจมีสีเข้มเกินไป หรือสีอ่อนเกินไป หรือมีมลทินมาก จึงมักจะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพด้วยการเผาเพื่อให้มีสีสวยและคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ โดยการปรับปรุงคุณภาพนั้นเป็นกระบวนการที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปในปัจจุบัน
7. มุกดาหารหมอกมัว ปัจจุบัน มุกดาหาร มีความหมายรวมได้ทั้ง พลอยมุกดาหาร (Moonstone) และ มุก(Pearl) ซึ่งมุกดาหารหรือ Moonstone จัดเป็นพลอยเนื้ออ่อนในตระกูลเฟลด์สปาร์ (Feldspar) ที่มีปรากฎการณ์เหลือบแสง (Adularescence) ซึ่งมีเนื้อขุ่นจนถึงใสและพบได้หลายสี เช่น ขาว ส้ม เทา ฟ้าเป็นต้น พลอยชนิดนี้พบได้ทั่วไป แต่แหล่งที่สำคัญได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา และหลายประเทศในแถบอาฟริกา เป็นต้น ส่วนมุกนั้นจัดเป็นอัญมณีอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า มุกที่ค้าขายในท้องตลาดแทบทั้งหมดจัดเป็นมุกเลี้ยง (Cultured pearl) ไม่ใช่มุกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัจจุบันมีทั้งมุกเลี้ยงน้ำเค็ม ซึ่งเป็นมุกเลี้ยงชนิดใส่แกนกลม มีการเลี้ยงกันมากในประเทศออสเตรเลีย ฟิลลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น หมู่เกาะตาฮิติ ส่วนมุกเลี้ยงน้ำจืดมักเป็นการเลี้ยงแบบไม่ใส่แกนกลม มีแหล่งสำคัญคือ ประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตามมุกเลี้ยงก็เป็นที่ยอมรับในตลาดและสามารถเรียกว่าเป็นมุกแท้ได้ ส่วนมุกธรรมชาตินั้น ปัจจุบันหาได้ยากยิ่งและมีราคาสูงมาก มีเฉพาะบางประเทศในแถบตะวันออกกกลางเท่านั้นที่มีการอนุญาตให้สามารถล่าหอยมุกธรรมชาติเพื่อหามุกได้ เช่น ประเทศบาห์เรน เป็นต้น
8. แดงสลัวเพทาย พลอยเพทายหรือเซอร์คอน (Zircon) นั้น หลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับชนิดสีฟ้า (Blue zircon) หรือชนิดไร้สี (Colorless zircon) ที่มักถูกใช้เป็นอัญมณีเลียนแบบเพชร แต่เพทายที่พบตามธรรมชาติโดยทั่วไปนั้น จริงๆ แล้วมักมีสีแดงแกมน้ำตาล ซึ่งก็เป็นที่มาของสีที่อยู่ในบทกลอนว่า “แดงสลัว” แต่ที่พบว่าเป็นสีฟ้า หรือไร้สีในท้องตลาดนั้นเกิดจากการเอาเพทายสีน้ำตาลไปปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อน หรือเอาไปเผานั่นเอง โดยแหล่งเพทายที่จัดได้ว่าสามารถนำมาเผาได้ให้เป็นสีฟ้าเข้มสดใสสวยงามมาก คือ แหล่งรัตนคีรี ในประเทศกัมพูชา นอกจากเพทายในกลุ่มสีที่กล่าวถึงนั้น เพทายยังมีสีอื่นๆ อีกมาก เช่น ส้ม เหลือง เขียว ชมพู เป็นต้น และพบได้หลากหลายแหล่ง ทั้งใน ไทย อินเดีย ศรีลังกา กลุ่มประเทศในอาฟริกา เป็นต้น เนื่องจากเพทายเป็นพลอยที่มีความเปราะสูงมากดังนั้นการใช้เพทายควรต้องระมัดระวังเพราะหากถูกกระแทกจะกระเทาะได้ง่าย
9. สังวาลย์สายไพฑูรย์ ไพฑูรย์นั้นมักเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปที่เรียกว่า เพชรตาแมว แต่แท้จริงแล้วไพฑูรย์ในทางอัญมณีจะหมายถึง อัญมณีประเภทคริโซเบริล (Chrysoberyl) สีเหลืองถึงเหลืองแกมเขียวโดยต้องมีปรากฎการณ์ตาแมว (Cat’s eye) นั่นเอง คุณภาพของไพฑูรย์นั้นจะอยู่ที่ความคมชัดของตาแมวที่ปรากฎ โดยจะต้องมองเห็นลักษณะคล้ายตาแมวเป็นเส้นตรงอยู่ตรงกลางพลอยที่เจียระไนแบบหลังเบี้ย และมีความคมชัดจึงจะเรียกว่าคุณภาพดี แต่ทั้งนี้พลอยคริโซเบริลเองนั้นไม่ได้มีเฉพาะชนิดที่มีปรากฏการณ์ตาแมวเท่านั้น แต่ยังมีชนิดที่มีเนื้อใสเหมือนแก้วด้วย ส่วนคริโซเบริลชนิดที่มีราคาแพงและหายากนั้นต้องเป็นชนิดที่มีปรากฎการณ์การเปลี่ยนสีภายใต้แหล่งกำเนิดแสงที่ต่างกันได้ ที่เรียกกันว่าอะเลกซานไดรต์(Alexandrite) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “พลอยเจ้าสามสี” นั่นเอง แหล่งของคริโซเบริลนั้นมีหลายแห่ง ที่สำคัญ ได้แก่ ศรีลังกา อินเดีย รัสเซีย มาดากัสการ์ แทนซาเนีย เป็นต้น
ขอบคุณบทความดีๆ จาก : GIT สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)